ในร่างกายของเรานั้นมีจุลินทรีย์อาศัยอยู่ทั้งจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโทษ และจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เราเรียกจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายว่า “โพรไบโอติกส์” หากในร่างกายเรามีโพรไบโอติกส์ในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้ระบบทางเดินอาหารและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานเป็นปกติ การบริโภคโพรไบโอติกส์ถือเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยเสริมสุขภาพให้แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอกค่ะ
โพรไบโอติกส์คืออะไร สำคัญต่อสุขภาพลำไส้อย่างไร
โพรไบโอติกส์ (Probiotics) คือ จุลินทรีย์มีชีวิตขนาดเล็กซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยปกติในร่างกายเราสามารถพบโพรไบโอติกส์ได้ปกติ แต่หากร่างกายเสียสมดุล เช่น การรับประทานอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ ทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ร่างกายอ่อนแอ ดื่มเหล้าเป็นประจำ หรืออายุที่มากขึ้น ร่างกายก็อาจมีปริมาณจุลินทรีย์ก่อโทษมากกว่าโพรไบโอติกส์ ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารตามมา ไม่ว่าจะเป็นโรคกระเพาะอาหาร โรคลำไส้แปรปรวน ท้องผูก ท้องเสีย หรืออาจเป็นสาเหตุของโรคซึมเศร้าได้ การรับประทานโพรไบโอติกส์เสริมจะช่วยให้สุขภาพทางเดินอาหารดีขึ้น
โพรไบโอติกส์เป็นจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติทนต่อกรดและด่าง สามารถผลิตสารขึ้นมากำจัดเชื้อจุลินทรีย์ก่อโทษได้ ดังนั้น ด้วยตัวของโพรไบโอติกส์เองและความสามารถในการกำจัดจุลินทรีย์ก่อโทษ ทำให้โพรไบโอติกส์มีประโยชน์ต่อสุขภาพช่วยปรับสมดุลในทางเดินอาหารและลำไส้ ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่ ช่วยป้องกันโรคและการรักษาภาวะที่ผิดปกติของระบบทางเดินอาหารในร่างกายได้
ร่างกายควรได้รับโพรไบโอติกส์เท่าไหร่ต่อวัน
ปริมาณโพรไบโอติกส์ที่ควรได้รับต่อวันไม่มีกำหนดตายตัว อย่างไรก็ตาม แนะนำว่าผู้ใหญ่ควรรับประทานโพรไบโอติกส์ 5-10 ล้านตัวต่อวัน เพื่อสุขภาพที่ดี หรือในกรณีที่มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องผูก ลำไส้แปรปรวน เป็นต้น
Bacillus Coagulans คืออะไร ดีต่อสุขภาพอย่างไร
Bacillus coagulans (บาซิลลัส โคแอกกูแลน) เป็นจุลินทรีย์ตัวดีกลุ่ม Lactobacillus spp. ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระบบทางเดินอาหาร ช่วยป้องกันและลดปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับลำไส้ได้ เช่น อาการท้องผูก โรคลำไส้แปรปรวน ภาวะท้องเสียบ่อย ๆ โดยไม่พบสาเหตุ นอกจากนี้ Bacillus coagulans เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่มีความแข็งแรงทนทานต่อความร้อนและกรดภายในทางเดินอาหารได้สูง ทำให้เป็นโพรไบโอติกส์ที่ทนต่อสภาวะต่าง ๆ ได้ดี มีอายุที่ยืนยาวกว่าโพรไบโอติกส์สายพันธุ์อื่น ๆ ในท้องตลาด การรับประทานโพรไบโอติกส์ Bacillus coagulans จึงช่วยให้ร่างกายได้ประโยชน์ดีกว่าการได้รับโพรไบโอติกส์ชนิดอื่น
อย่างไรก็ตาม นอกจากการรับประทานโพรไบโอติกส์แล้ว เราควรรับประทานพรีไบโอติก (Prebiotics) ซึ่งทำหน้าที่เป็นอาหารของโพรไบโอติกส์ควบคู่กันไปด้วย พรีไบโอติกส์เป็นใยอาหารที่พบมากในผักและผลไม้ เช่น โอลิโกแซคคาไรด์ ข้าวสาลี อาร์ติโชค บร็อคโคลี่ ช่วยในการทำงานของโพรไบโอติกส์ให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงสุด หากเรารับประทานอาหารที่มีทั้งโพรไบโอติกและพรีไบโอติกร่วมกันเป็นประจำ ก็จะช่วยให้ลำไส้เกิดความสมดุล ทำงานได้ดีขึ้น และลดปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ได้มากขึ้นด้วย
ผลิตภัณฑ์เสริมโพรไบโอติกส์และพรีไบโอติกส์ “PROFIBERRY” มีส่วนประกอบของเชื้อจุลินทรีย์ Bacillus coagulans ซึ่งมีข้อดีกว่าจุลินทรีย์ตัวอื่นดังได้กล่าวไปแล้ว และผสานด้วยพรีไบโอติกส์หลายชนิดใน "PROFIBERRY" เช่น กี่วีสีทอง กาแลคโตโอลิโกแซคคาไรด์ ผงไซเลี่ยมฮัสก์ อาร์ติโชค ซึ่งช่วยเป็นอาหารให้กับโพรไบโอติกส์ จึงทำให้ร่างกายขับถ่ายได้ดีขึ้น ช่วยขับสารพิษตกค้างในร่างกาย ลดปัญหาความผิดปกติของทางเดินอาหารต่าง ๆ ได้จากภายในสู่ภายนอก การรักษาลำไส้ให้สมดุลด้วยการรับประทานโพรไบโอติกส์ร่วมกับพรีไบโอติก “PROFIBERRY” จึงเป็นอีกวิธีที่จะทำให้ร่างกายและระบบทางเดินอาหารแข็งแรงอย่างยั่งยืนค่ะ
เอกสารอ้างอิง